ถึงขั้นนี้แล้ว! โจรขโมยเนื้อหมู ไล่ตระเวนขโมยเนื้อในมุกดาหาร

ถึงขั้นนี้แล้ว! โจรขโมยเนื้อหมู ไล่ตระเวนขโมยเนื้อในมุกดาหาร

จากสถานการณ์เนื้อหมูแพง ทำให้เกิด โจรขโมยเนื้อหมู ไล่ตระเวนขโมยเนื้อในตลาดมุกดาหาร แม่ค้าเผยมีคนเคยโดยขโมยเนื้อวัวด้วย ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความพร้อมวิดีโอ ซึ่งเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่ ตลาดสดเทศบาล 2 อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร เมื่อช่วงเวลาประมาณตี 5

ซึ่งผู้ใช้เฟซบุ๊กคนดังกล่าวโพสต์ข้อความระบุว่า 

“เหตุการณ์เช้านี้พ่อไปซื้อหมูที่ตลาดเทศบาล2 มีคนขโมยเนื้อหมู5กิโล ตอนตี5 โปรดระวังด้วยน่ะค่ะ หมูแพงจังแม่นอยากลัก” โดยจากภาพกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นภาพของ ชายสวมเสื้อแขนยาวสีดำ สวมกางเกงขายาว สวมหมวกไหมพรมสีขาว เดินสูบบุหรี่ได้เดินมาที่ท้ายรถกระบะที่จอดไว้ในตลาดสดเทศบาล 2 อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร แล้วหยิบถุงเนื้อหมูประมาณ 5 กิโลกรัม แล้วเดินไปทางหน้ารถกระบะหนีหายไป

ขณะที่สำนักข่าวช่อง 7 ได้เดินทางลงพื้นที่ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นร้านขายหมูที่อยู่บริเวณด้านในของตลาดเทศบาล2 โดยแม่ค้าที่ขายหมูได้ให้ข้อมูลว่าเหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืด วันที่ 18 มกราคม 65

ซึ่งทางลูกค้าได้มาซื้อหมูไปประมาณ 12 กิโลกรัม ประกอบไปด้วย หมู 3 ชั้น หมูบด รวมๆแล้วประมาณ 12 กิโลกรัม พอเวลาผ่านไปสักพักลูกค้าได้เดินมาถามว่าได้ลืมหมูไว้หรือเปล่า เพราะที่ซื้อไป แล้วของไม่ครบตนจึงบอกไปว่าลูกค้า ได้เอาไปหมดแล้ว ลูกจึงเดินกลับไปที่รถพร้อมกับไปขอดูกล้องวงจรปิดปรากฏว่ามีคนมาขโมยหมูที่เอาไว้หลังรถไป

ผู้กำกับโจ้ แจงศาล รับนำถุงพลาสติกมาหลายใบจริง เพื่อให้ผู้ต้องหากลัว แต่ไม่ได้มีเจตนาฆ่า วอนศาลมีเหตุการณ์บางส่วนถูกตัดออกจากคลิป ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดตรวจหลักฐานคดีของอดีต ‘ผู้กำกับโจ้’ หรือ พันตำรวจเอก ธิติสรรค์ อุทธนผล ซึ่งเป็นคดีที่ อดีตผู้กำกับโจ้พร้อมกับพวกรวมเจ็ดคน ใช้ถุงคลุมศีรษะ นายจิระพงษ์ จนส่งผลให้ผู้ต้องหายาเสพติดเสียชีวิต

ศาลได้สอบถามจำเลยทั้ง 7 คน เกี่ยวกับข้อเท็จจริงของสำนวนคดีเบื้องต้น โดยย้ำว่า ข้อเท็จจริงนี้ปรากฏในสำนวนการสอบสวน ไม่ใช่การชี้ว่าใครถูกหรือผิด แต่กระบวนการนั้นจะอยู่ในการไต่สวนคดีในนัดถัดไป โดยจำเลยทั้งหมด รับว่า เป็นตำรวจ มีหน้าที่จับกุมผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย โดยศาล ยังถามจำเลยทั้งหมดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่าในวันที่ 4 ส.ค. 2564 จำเลยทำหน้าที่ชุดตำรวจปราบปรามยาเสพติดและจับผู้เสียชีวิตและภรรยา พร้อมไอซ์ มาควบคุมตัวที่ห้องปฏิบัติการพิเศษยาเสพติด สถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ เพื่อสอบสวนขยายผลคดียาเสพติด

โดยปรากฏหลักฐานว่าจำเลยที่ 1 คือ ‘อดีตผู้กำกับโจ้’ นำถุงพลาสติกสีดำหลายใบ มาคลุมศีรษะของผู้เสียชีวิตและมีจำเลยที่เหลืออยู่ร่วมในเหตุการณ์ ซึ่งในประเด็นนี้ จำเลยที่ 1 แถลงยอมรับว่านำถุงพลาสติกหลายใบมาคลุมศีรษะจริงแต่ปฏิเสธว่าไม่ได้รัดแน่น หรือมีเจตนาให้เสียชีวิต แค่ต้องการทำให้กลัวเท่านั้น

ในส่วนของคลิปนั้น พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ระบุว่า ขอให้ศาลพิจารณา โดยอ้างว่ามีเหตุการณ์ช่วงที่พยายามช่วยชีวิตผู้เสียชีวินถูกตัดต่อหายไป และมีตำรวจบางนายที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์ แต่ไม่ปรากฏในคลิปที่อยู่ในสำนวนคดีชั้นศาล และได้ให้การเท็จว่าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งในประเด็นนี้ ศาลรับว่าในชั้นไต่สวน สามารถนำพยานหลักฐานมายืนยันต่อไปได้ สำหรับกระบวนการนัดตรวจพยานหลักฐานเมื่อแล้วเสร็จขั้นตอนนี้ ศาลจะนัดวันอีกครั้งเพื่อไต่สวนคดี ซึ่งคาดว่าจะไม่เกินวันที่ 16 มีนาคม 2565

สาวชงเหล้า โดนผู้ใหญ่บ้านทำร้าย คนในงานทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น

สาวถูกจ้างไปชงเหล้า แต่กลับโดนทำร้ายกลางงาน ปมสามีผู้ใหญ่บ้านให้ไปนั่งคุยด้วย ลั่นขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ข้องใจมาทำร้ายทำไม เหตุการณ์ เด็กชงเหล้า ซึ่งเป็นหญิงสาวรายหนึ่งถูกว่าจ้างให้ไปทำงานที่ ท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา แต่ต่อมาถูกทำร้ายร่างกายภายในงาน ถูกนไำมาเปิดเผยโดย เฟซบุ๊กแฟนเพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 2 เมื่อวันที่ 7 ก.พ.65 โดยรายละเอียดทั้งหมดระบุไว้ ดังนี้

เหตุเกิดวันที่ 5 ก.พ.65 มีผู้ชายคนหนุ่ม เป็นเจ้าภาพ ทักมาในกลุ่ม ขอเด็กชงเหล้าที่ท่าตะเกียบ #เด็กชงเหล้า ค่าจ้าง 2000 ต่อคน ค่าน้ำมัน 500 บาท จ้าง 2 คน โดยจ่ายมัดจำไว้ 500 บาท เด็กที่ไปคือพี่ในกลุ่ม 1 คนและตัวเอง เมื่อถึงหน้างานเวลา 20.30 น.

พอลงจากรถเจ้าภาพได้ยืนรอจ่ายเงินทันที พอเดินเข้าไปได้ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน เมื่อ ออกมาก็ถามเจ้าภาพว่าต้องชงโต๊ะไหนบ้าง เพราะคนในงานเยอะมาก มีโต๊ะจีน 5-6 โต๊ะ มีเวที จัดงานศาลากลางหมู่บ้าน หมู่ 3 บ้านทุ่งยายชี ไม่มีคัดกรอง คนในงานเยอะมากเกิน 30 คน ถามว่าผิดไหมที่เข้าไปทำงาน ขอยอมรับผิดในการเข้าร่วมงาน

จากนั้นได้กลับออกจากห้องน้ำ ขณะนำจานไปเก็บไว้ด้านหลัง ซึ่งต้องผ่านโต๊ะคู่กรณี เป็นผู้ใหญ่บ้าน เเล้วเดินกลับมา มีผู้ชายแก่ๆ 1 คนได้ดึงไว้ ให้ไปนั่งคุยกับผู้ชาย 1 คน เป็นสารวัตรกำนันและเป็นสามีของคู่กรณี

ด้วยความที่เราทำงาน จะรู้หน้างาน จึงเอามือจับที่เเขนผู้ชายแล้วบอกว่าไม่ขอยุ่ง พี่มีเมียแล้ว จากนั้นเดินออกมาได้ 2 ก้าว ก่อนโดนดึงมือจากผู้ชายอีกรอบ ไม่ถึงวินาที โดนทำร้ายจากด้านหลัง ความรู้สึกคือไม่รู้เลยว่าโดนอะไรบ้าง แต่ที่พอรู้สึกได้ โดนมือกระชากและทุบ พร้อมกับเท้าที่เตะด้านหลัง แล้วชุลมุนมาก ก่อนโดนดึงออกจากตรงนั้นมายืนตรงกลาง รายล้อมไปด้วยชาวบ้านรอบตัวเอง ทุกคนบอกไม่มีอะไรเกิดขึ้นคือ หนูโดนขนาดนี้ หนูไม่ยอม อีกฝ่ายก็ไม่ขอโทษ ทำหน้าตามึนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป